โครงการอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคสำหรับผู้ประกอบการ รุ่นที่ 4
อบรมระหว่างวันที่ 14 – 15 ธันวาคม 2567 วันเสาร์ อาทิตย์ เวลา 8.30 – 17.30 น. (หลักสูตร 16 ชม.) รูปแบบ Hybrid (Onsite & Online) ณ ห้อง 211 คณะนิติศาสตร์
ปัจจุบันการศึกษาวิชานิติศาสตร์ระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัย เป็นการศึกษาวิชากฎหมายพื้นฐานในเรื่องต่าง ๆ โดยการเรียนการสอนไม่ได้แยกการศึกษากฎหมายออกเป็นสาขาเฉพาะทาง ดังนั้นบัณฑิต
ทางนิติศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย จึงอาจยังไม่มีความรู้เชี่ยวชาญในกฎหมายสาขาต่าง ๆ อย่างลึกซึ้งรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขากฎหมายมหาชนซึ่งเป็นกฎหมายที่สำคัญสำหรับนักกฎหมาย
ผู้ประกอบวิชาชีพในภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยราชการหรือรัฐวิสาหกิจ นอกจากนั้นยังพบว่าผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการในหน่วยงานของรัฐเป็นจำนวนมากไม่ได้ศึกษากฎหมายในระดับชั้นปริญญาตรี แต่การปฏิบัติงานของบุคคลเหล่านี้กลับมีความเกี่ยวข้องกับกฎหมายมหาชนและต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในวิชากฎหมายสาขาดังกล่าวเป็นอย่างมาก
การขาดความรู้ความเข้าใจในกฎหมายมหาชนของนักกฎหมายหรือผู้ปฏิบัติงานที่ไม่ใช่นักกฎหมายข้างต้น ทำให้หน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ จำต้องจัดให้มีการอบรมบุคลากรเป็นการภายใน หรือจัดให้มีการศึกษากฎหมายจากประสบการณ์จริงจากการปฏิบัติงานในหน่วยงานนั้น ๆ เพื่อให้บุคคลเหล่านี้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตามการอบรมหรือการให้การศึกษาที่มีข้อจำกัดด้านระยะเวลา และข้อจำกัดด้านความสามารถในการถ่ายทอดวิชาการทางกฎหมาย ย่อมทำให้ขาดการปูพื้นฐานความรู้ที่ถูกต้อง บางกรณีจึงอาจก่อให้เกิดความเสียหายและผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนผู้เกี่ยวข้องได้ นอกจากนี้การขาดความเข้าใจเกี่ยวกับนิติวิธีทางกฎหมายมหาชนยังอาจทำให้มีการนำเอาหลักการและวิธีคิดแบบกฎหมายเอกชนมาปรับใช้
ทั้ง ๆ ที่ กฎหมายทั้งสองสาขามีธรรมชาติ (nature) และวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน สภาพการณ์ดังกล่าวย่อม
ทำให้การปฏิบัติงานไม่อาจดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่ควรจะเป็น อีกทั้งการอบรมและทดลองปฏิบัติงานภายในหน่วยงานก็มักจำกัดกรอบและขอบเขตเฉพาะกฎหมายและระเบียบข้อบังคับภายในที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานนั้น ๆ เองเท่านั้น ทำให้ขาดความรู้ความเข้าใจในระบบการบริหารงานภาครัฐทั้งระบบ ซึ่งลักษณะเช่นนี้อาจส่งผลให้ไม่สามารถเสนอแนวทางเพื่อการตัดสินใจหรือเพื่อประสานและปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกรอบนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งไม่สามารถวินิจฉัยให้ความเห็นในภารกิจที่ต้องมีการตัดสินใจร่วมกันในระหว่าง
หลายหน่วยงานได้
แม้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันคือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จะตราขึ้นเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องจากการบังคับใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และพุทธศักราช 2550 กระนั้น สาระสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ยังคงมุ่งสนับสนุนส่งเสริมการปกครองตาม “หลักนิติรัฐ”
ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของรัฐเสรีประชาธิปไตยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนจากการใช้อำนาจโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ดังจะเห็นได้จากการที่รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2560 ยังคงมีบทบัญญัติเกี่ยวกับบรรดาองค์กรตรวจสอบต่าง ๆ ที่เคยมีอยู่ตามรัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2540 และพุทธศักราช 2550 เช่น ศาลปกครอง คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อให้องค์กรเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นกลไกตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐควบคู่กันไปกับสถาบันทางการเมืองและทางกฎหมายที่มีอยู่เดิม
ในชั้นของกฎหมายระดับพระราชบัญญัติและอนุบัญญัตินั้น นับตั้งแต่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เป็นต้นมา มีการตรากฎหมายใหม่ขึ้นหลายฉบับเพื่อก่อตั้งระบบการตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ
วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 รวมทั้งตราพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 อันมีเนื้อหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการภาครัฐรูปแบบใหม่ (New Public Management) ตามหลักธรรมาภิบาล ซึ่งกฎเกณฑ์ทั้งหลายเหล่านี้ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วในสังคมไทยในฐานะเครื่องมืออันทรงประสิทธิภาพในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
ยิ่งไปกว่านั้นเป็นที่ทราบกันอยู่โดยทั่วไปว่า ณ ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในช่วงของการพยายามแก้ไขปัญหาทางสังคม/การเมืองที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวย่อมเกี่ยวพันกับกฎหมายมหาชนในฐานะ
เป็นกฎหมายที่กำหนดถึงระเบียบแบบแผนความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับเอกชนผู้อยู่ภายใต้การปกครองอย่าง
ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ปัจจัยข้างต้นจึงยิ่งส่งผลให้การศึกษากฎหมายมหาชนทวีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นและเป็น
ที่สนใจของบุคคลจำนวนมาก
ด้วยเล็งเห็นถึงเหตุผลความจำเป็นดังที่ได้อธิบายมา และเพื่อเป็นการจัดเตรียมบุคลากรภาครัฐให้มี
ความรู้ความเข้าใจในหลักการ แนวคิดทฤษฎี และวิธีการบังคับใช้กฎหมายมหาชนที่ถูกต้อง คณะนิติศาสตร์ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานศาลปกครองจึงได้จัดทำหลักสูตรการอบรมกฎหมายมหาชนเพื่อบุคลากรภาครัฐและบุคคลทั่วไปขึ้น โดยจัดเป็นหลักสูตรอบรมระยะสั้น ทั้งนี้ ด้วยความมุ่งหวังให้
ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายมหาชนและสามารถบังคับใช้กฎหมายมหาชนได้อย่างถูกต้อง อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานและสอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว
บุคลากรจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายมหาชน
การอบรมต่อรุ่น (2รุ่นต่อปี) เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 5 วัน ในแต่ละสัปดาห์จะอบรม
ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ วันละ 3 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 17.30 – 20.30 น. และวันเสาร์วันละ 6 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. โดยใช้ระยะเวลาในการดำเนินการทั้งสิ้น 198 ชั่วโมง แบ่งเป็นดังนี้
– การอบรม จำนวน 159 ชั่วโมง
– การดูงาน 2 ครั้ง รวม จำนวน 9 ชั่วโมง ดังนี้
ครั้งที่ 1 ดูงาน ณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
จำนวน 3 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 09.00 – 12.00 น.
ครั้งที่ 2 ดูงาน ณ สำนักงานศาลปกครอง
จำนวน 6 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น.
ประกอบด้วยกลุ่มวิชาต่าง ๆ 4 กลุ่มด้วยกัน กล่าวคือ กลุ่มแนวความคิดและทฤษฎีกฎหมายมหาชนทั่วไป กลุ่มกฎหมายรัฐธรรมนูญ กลุ่มกฎหมายปกครอง และกลุ่มกฎหมายการคลังและภาษีอากร ใน 4 กลุ่มวิชาดังกล่าว นอกจากศึกษาถึงหลักการและแนวความคิดทั่วไปแล้ว การจัดหลักสูตรการศึกษายังนำเอาเนื้อหาวิชาที่มีความสำคัญ และเป็นประโยชน์สำหรับนักศึกษากฎหมายมหาชนมาบรรจุไว้ในหลักสูตรด้วย อาทิเช่น นิติบุคคลในกฎหมายมหาชน กฎหมายระหว่างประเทศที่มีผลกระทบต่อการกำหนดนโยบายและการบริหารราชการแผ่นดิน อุปสรรคและปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการบริหารรัฐวิสาหกิจไทย ระบบการควบคุมและแนวทางในการพัฒนารัฐวิสาหกิจไทย ข้อความคิดว่าด้วยสัญญาทางปกครอง การตรวจร่างสัญญาของสำนักงานอัยการสูงสุด หลักการและขั้นตอนการปฏิบัติที่สำคัญในกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติราชการของฝ่ายปกครอง ความรับผิดของฝ่ายปกครอง หลักการสำคัญของกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ แนวทางการควบคุมฝ่ายปกครองโดยศาลยุติธรรมของไทยในปัจจุบัน เขตอำนาจศาลวิธีพิจารณาและผลของคำพิพากษาของศาลปกครอง ระบบและวิธีการงบประมาณไทย ระบบการจัดเก็บภาษีอากรในประเทศไทย ลักษณะพิเศษของการตัดสินใจในระดับนโยบายของคณะรัฐมนตรี แนวคิดและหลักการของกฎหมายว่าด้วยข้อข่าวสารทางราชการ เป็นต้น
วิทยากรจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจากหน่วยงานราชการและเอกชน
ค่าลงทะเบียนคนละ 30,000 บาท
– ผู้เข้าอบรมจากหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจสามารถเบิกค่าสมัครเข้ารับการอบรมจากเงินงบประมาณของต้นสังกัดตามระเบียบว่าด้วยการดังกล่าวของกระทรวงการคลัง
ช่องทางการชำระเงิน :
– คณะนิติศาสตร์ มธ. (ศูนย์จัดการศึกษาและฝึกอบรมด้านกฎหมาย)
– ธนาคารกรุงเทพจำกัด (มหาชน)
– เลขที่บัญชี 905-0-02515-5
หมายเหตุ : ค่าลงทะเบียนการอบรมอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)
อบรมระหว่างวันที่ 14 – 15 ธันวาคม 2567 วันเสาร์ อาทิตย์ เวลา 8.30 – 17.30 น. (หลักสูตร 16 ชม.) รูปแบบ Hybrid (Onsite & Online) ณ ห้อง 211 คณะนิติศาสตร์
อบรมระหว่างวันที่ 2-17 พฤศจิกายน 2567 ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ เวลา 09.00 – 16.00 น. (หลักสูตร 36 ชั่วโมง โดยบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ 6 ชั่วโมง) รูปแบบ Onsite ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ FacebookTwitterLine
โครงการอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรกฎหมายภาษีอากร รุ่นที่ 14 อบรมระหว่างวันที่ 7 ตุลาคม – 28 พฤศจิกายน 2567 ทุกวันจันทร์ – วันพฤหัสบดี เวลา 17.30 – 20.30 น. ด้วยรูปแบบออนไลน์ระบบ cisco webex meeting (หลักสูตร 90 ชม.)
อบรมระหว่างวันที่ 16 กันยายน – 30 พฤศจิกายน 2567 ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ช่วงเย็น (ยกเว้นวันพุธบางวัน) และวันเสาร์เต็มวัน ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) FacebookTwitterLine