ปัจจุบันการศึกษาวิชานิติศาสตร์ระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัย เป็นการศึกษาวิชากฎหมายพื้นฐานในเรื่องต่าง ๆ โดยการเรียนการสอนไม่ได้แยกการศึกษากฎหมายออกเป็นสาขาเฉพาะทาง ดังนั้นบัณฑิตทางนิติศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย จึงอาจยังไม่มีความรู้เชี่ยวชาญในกฎหมายสาขาต่าง ๆ อย่างลึกซึ้งรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขากฎหมายมหาชนซึ่งเป็นกฎหมายที่สำคัญสำหรับนักกฎหมายผู้ประกอบวิชาชีพในภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยราชการหรือรัฐวิสาหกิจ นอกจากนั้นยังพบว่าผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการในหน่วยงานของรัฐเป็นจำนวนมากไม่ได้ศึกษากฎหมายในระดับชั้นปริญญาตรี แต่การปฏิบัติงานของบุคคลเหล่านี้กลับมีความเกี่ยวข้องกับกฎหมายมหาชนและต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในวิชากฎหมายสาขาดังกล่าวเป็นอย่างมาก การขาดความรู้ความเข้าใจในกฎหมายมหาชนของนักกฎหมายหรือผู้ปฏิบัติงานที่ไม่ใช่นักกฎหมายข้างต้น ทำให้หน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ จำต้องจัดให้มีการอบรมบุคลากรเป็นการภายใน หรือจัดให้มีการศึกษากฎหมายจากประสบการณ์จริงจากการปฏิบัติงานในหน่วยงานนั้น ๆ เพื่อให้บุคคลเหล่านี้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตามการอบรมหรือการให้การศึกษาที่มีข้อจำกัดด้านระยะเวลา และข้อจำกัดด้านความสามารถในการถ่ายทอดวิชาการทางกฎหมาย ย่อมทำให้ขาดการปูพื้นฐานความรู้ที่ถูกต้อง บางกรณีจึงอาจก่อให้เกิดความเสียหายและผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนผู้เกี่ยวข้องได้ นอกจากนี้การขาดความเข้าใจเกี่ยวกับนิติวิธีทางกฎหมายมหาชนยังอาจทำให้มีการนำเอาหลักการและวิธีคิดแบบกฎหมายเอกชนมาปรับใช้ทั้ง ๆ ที่ กฎหมายทั้งสองสาขามีธรรมชาติ (nature) และวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน สภาพการณ์ดังกล่าวย่อมทำให้การปฏิบัติงานไม่อาจดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่ควรจะเป็น อีกทั้งการอบรมและทดลองปฏิบัติงานภายในหน่วยงานก็มักจำกัดกรอบและขอบเขตเฉพาะกฎหมายและระเบียบข้อบังคับภายในที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานนั้น ๆ เองเท่านั้น ทำให้ขาดความรู้ความเข้าใจในระบบการบริหารงานภาครัฐทั้งระบบ ซึ่งลักษณะเช่นนี้อาจส่งผลให้ไม่สามารถเสนอแนวทางเพื่อการตัดสินใจหรือเพื่อประสานและปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกรอบนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งไม่สามารถวินิจฉัยให้ความเห็นในภารกิจที่ต้องมีการตัดสินใจร่วมกันในระหว่างหลายหน่วยงานได้
แม้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันคือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จะตราขึ้นเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องจากการบังคับใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และพุทธศักราช 2550 กระนั้น สาระสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ยังคงมุ่งสนับสนุนส่งเสริมการปกครองตาม “หลักนิติรัฐ” ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของรัฐเสรีประชาธิปไตยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนจากการใช้อำนาจโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ดังจะเห็นได้จากการที่รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2560 ยังคงมีบทบัญญัติเกี่ยวกับบรรดาองค์กรตรวจสอบต่าง ๆ ที่เคยมีอยู่ตามรัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2540 และพุทธศักราช 2550 เช่น ศาลปกครอง คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อให้องค์กรเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นกลไกตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐควบคู่กันไปกับสถาบันทางการเมืองและทางกฎหมายที่มีอยู่เดิม ในชั้นของกฎหมายระดับพระราชบัญญัติและอนุบัญญัตินั้น นับตั้งแต่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เป็นต้นมา มีการตรากฎหมายใหม่ขึ้นหลายฉบับเพื่อก่อตั้งระบบการตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 รวมทั้งตราพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 อันมีเนื้อหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการภาครัฐรูปแบบใหม่ (New Public Management) ตามหลักธรรมาภิบาล ซึ่งกฎเกณฑ์ทั้งหลายเหล่านี้ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วในสังคมไทยในฐานะเครื่องมืออันทรงประสิทธิภาพในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
ยิ่งไปกว่านั้นเป็นที่ทราบกันอยู่โดยทั่วไปว่า ณ ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในช่วงของการพยายามแก้ไขปัญหาทางสังคม/การเมืองที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวย่อมเกี่ยวพันกับกฎหมายมหาชนในฐานะเป็นกฎหมายที่กำหนดถึงระเบียบแบบแผนความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับเอกชนผู้อยู่ภายใต้การปกครองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ปัจจัยข้างต้นจึงยิ่งส่งผลให้การศึกษากฎหมายมหาชนทวีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นและเป็นที่สนใจของบุคคลจำนวนมาก
ด้วยเล็งเห็นถึงเหตุผลความจำเป็นดังที่ได้อธิบายมา และเพื่อเป็นการจัดเตรียมบุคลากรภาครัฐให้มีความรู้ความเข้าใจในหลักการ แนวคิดทฤษฎี และวิธีการบังคับใช้กฎหมายมหาชนที่ถูกต้อง คณะนิติศาสตร์ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานศาลปกครองจึงได้จัดทำหลักสูตรการอบรมกฎหมายมหาชนเพื่อบุคลากรภาครัฐและบุคคลทั่วไปขึ้น โดยจัดเป็นหลักสูตรอบรมระยะสั้น ทั้งนี้ด้วยความมุ่งหวังให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายมหาชนและสามารถบังคับใช้กฎหมายมหาชนได้อย่างถูกต้อง อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานและสอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว