โครงการอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรกฎหมายมหาชน รุ่นที่ 54 พ.ศ. 2567

ชื่อโครงการ

โครงการอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรกฎหมายมหาชน รุ่นที่ 54 พ.ศ. 2567

หลักการและเหตุผล

ปัจจุบันการศึกษาวิชานิติศาสตร์ระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัย  เป็นการศึกษาวิชากฎหมายพื้นฐานในเรื่องต่าง ๆ โดยการเรียนการสอนไม่ได้แยกการศึกษากฎหมายออกเป็นสาขาเฉพาะทาง ดังนั้น บัณฑิตทางนิติศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย จึงอาจยังไม่มีความรู้เชี่ยวชาญในกฎหมายสาขาต่าง ๆ อย่างลึกซึ้งรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขากฎหมายมหาชนซึ่งเป็นกฎหมายที่สำคัญสำหรับนักกฎหมายผู้ประกอบวิชาชีพในภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยราชการหรือรัฐวิสาหกิจ นอกจากนั้นยังพบว่าผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการในหน่วยงานของรัฐเป็นจำนวนมากไม่ได้ศึกษากฎหมายในระดับชั้นปริญญาตรี แต่การปฏิบัติงานของบุคคลเหล่านี้กลับมีความเกี่ยวข้องกับกฎหมายมหาชนและต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในวิชากฎหมายสาขาดังกล่าวเป็นอย่างมาก

การขาดความรู้ความเข้าใจในกฎหมายมหาชนของนักกฎหมายหรือผู้ปฏิบัติงานที่ไม่ใช่นักกฎหมายข้างต้น ทำให้หน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ จำต้องจัดให้มีการอบรมบุคลากรเป็นการภายใน หรือจัดให้มีการศึกษากฎหมายจากประสบการณ์จริงจากการปฏิบัติงานในหน่วยงานนั้น ๆ เพื่อให้บุคคลเหล่านี้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตามการอบรมหรือการให้การศึกษาที่มีข้อจำกัดด้านระยะเวลา และข้อจำกัดด้านความสามารถในการถ่ายทอดวิชาการทางกฎหมาย ย่อมทำให้ขาดการปูพื้นฐานความรู้ที่ถูกต้อง บางกรณีจึงอาจก่อให้เกิดความเสียหายและผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนผู้เกี่ยวข้องได้ นอกจากนี้การขาดความเข้าใจเกี่ยวกับนิติวิธีทางกฎหมายมหาชนยังอาจทำให้มีการนำเอาหลักการและวิธีคิดแบบกฎหมายเอกชนมาปรับใช้ ทั้ง ๆ ที่ กฎหมายทั้งสองสาขามีธรรมชาติ (nature) และวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน  สภาพการณ์ดังกล่าวย่อมทำให้การปฏิบัติงานไม่อาจดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่ควรจะเป็น อีกทั้งการอบรมและทดลองปฏิบัติงานภายในหน่วยงานก็มักจำกัดกรอบและขอบเขตเฉพาะกฎหมายและระเบียบข้อบังคับภายในที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานนั้น ๆ เองเท่านั้น ทำให้ขาดความรู้ความเข้าใจในระบบการบริหารงานภาครัฐทั้งระบบ ซึ่งลักษณะเช่นนี้อาจส่งผลให้ไม่สามารถเสนอแนวทางเพื่อการตัดสินใจหรือเพื่อประสานและปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกรอบนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งไม่สามารถวินิจฉัยให้ความเห็นในภารกิจที่ต้องมีการตัดสินใจร่วมกันในระหว่างหลายหน่วยงานได้

แม้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันคือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จะตราขึ้นเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องจากการบังคับใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และพุทธศักราช 2550 กระนั้น สาระสำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ยังคงมุ่งสนับสนุนส่งเสริมการปกครองตาม “หลักนิติรัฐ” ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของรัฐเสรีประชาธิปไตยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนจากการใช้อำนาจโดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ดังจะเห็นได้จากการที่รัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2560 ยังคงมีบทบัญญัติเกี่ยวกับบรรดาองค์กรตรวจสอบต่าง ๆ ที่เคยมีอยู่ตามรัฐธรรมนูญฯ พุทธศักราช 2540 และพุทธศักราช 2550 เช่น ศาลปกครอง คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อให้องค์กรเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นกลไกตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐควบคู่กันไปกับสถาบันทางการเมืองและทางกฎหมายที่มีอยู่เดิม

ในชั้นของกฎหมายระดับพระราชบัญญัติและอนุบัญญัตินั้น นับตั้งแต่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เป็นต้นมา มีการตรากฎหมายใหม่ขึ้นหลายฉบับเพื่อก่อตั้งระบบการตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 รวมทั้งตราพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 อันมีเนื้อหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการภาครัฐรูปแบบใหม่ (New Public Management) ตามหลักธรรมาภิบาล ซึ่งกฎเกณฑ์ทั้งหลายเหล่านี้ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วในสังคมไทยในฐานะเครื่องมืออันทรงประสิทธิภาพในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

ยิ่งไปกว่านั้นเป็นที่ทราบกันอยู่โดยทั่วไปว่า ณ ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในช่วงของการพยายามแก้ไขปัญหาทางสังคม/การเมืองที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวย่อมเกี่ยวพันกับกฎหมายมหาชนในฐานะเป็นกฎหมายที่กำหนดถึงระเบียบแบบแผนความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับเอกชนผู้อยู่ภายใต้การปกครองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ปัจจัยข้างต้นจึงยิ่งส่งผลให้การศึกษากฎหมายมหาชนทวีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นและเป็นที่สนใจของบุคคลจำนวนมาก

ด้วยเล็งเห็นถึงเหตุผลความจำเป็นดังที่ได้อธิบายมา และเพื่อเป็นการจัดเตรียมบุคลากรภาครัฐให้มีความรู้ความเข้าใจในหลักการ แนวคิดทฤษฎี และวิธีการบังคับใช้กฎหมายมหาชนที่ถูกต้อง คณะนิติศาสตร์ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานศาลปกครองจึงได้จัดทำหลักสูตรการอบรมกฎหมายมหาชนเพื่อบุคลากรภาครัฐและบุคคลทั่วไปขึ้น โดยจัดเป็นหลักสูตรอบรมระยะสั้น ทั้งนี้ ด้วยความมุ่งหวังให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายมหาชนและสามารถบังคับใช้กฎหมายมหาชนได้อย่างถูกต้อง อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานและสอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อเป็นศูนย์กลางในการให้ความรู้ และเผยแพร่ความคิดและการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการเกี่ยวกับกฎหมายมหาชน
  2. เพื่อผลิตนักกฎหมายในภาครัฐที่มีความเข้าใจพื้นฐานในทางกฎหมายมหาชน ให้มีความรู้ ความเข้าใจในแนวความคิดทางทฤษฎีกฎหมายมหาชน และการบริหารงานภาครัฐในเชิงระบบ ตลอดจนสามารถนำความรู้ความเข้าใจดังกล่าวไปปรับใช้กับการปฏิบัติหน้าที่ทางกฎหมายที่ตนรับผิดชอบอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
    ยิ่งขึ้น
  3. เป็นการตระเตรียมบุคลากรในภาครัฐ เพื่อรองรับการเกิดขึ้นขององค์การและแนวความคิดทางกฎหมายมหาชนใหม่ ๆ
  4. เพื่อยกระดับคุณภาพผู้ที่เป็นนักกฎหมายอยู่แล้วให้มีความรู้ทางกฎหมายเฉพาะด้านมากยิ่งขึ้น

กลุ่มผู้เข้าร่วมอบรม

กลุ่มผู้เข้าอบรม

ข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจที่มีคุณวุฒินิติศาสตร์บัณฑิตที่ดำรงตำแหน่งนิติกร หรือหน้าที่บริหารงาน  หรือมีคุณวุฒิหรือดำรงตำแหน่งอื่นที่ผู้บังคับบัญชาเห็นว่าการเข้าศึกษาหลักสูตรนี้จะเป็นประโยชน์แก่การปฏิบัติงาน  หรือเป็นผู้ที่มีคุณวุฒินิติศาสตรบัณฑิตที่ปฏิบัติงานอยู่ในองค์กรภาคเอกชน  ซึ่งจะต้องเกี่ยวข้องกับการบริหารงานภาครัฐซึ่งผู้บังคับบัญชารับรองให้สมัครเข้ารับการอบรมได้ในฐานะตัวแทนขององค์กรภาคเอกชนนั้น ๆ

วิธีการสมัครอบรม

คณะนิติศาสตร์ ดำเนินการจัดทำหนังสือแจ้งการรับสมัครอบรมไปยังหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ เพื่อให้หน่วยงานฯ คัดเลือกบุคลากรเพื่อส่งเข้ารับการอบรม

ผู้สมัครที่จะเข้ารับการอบรมได้ต้องได้รับการคัดเลือกจากหน่วยงานโดยให้หน่วยงานรับรองการเข้าอบรมตามแบบฟอร์มจากผู้บังคับบัญชา  (ผู้สมัครกรอกเป็นเอกสารยื่นผู้บังคับบัญชาอนุมัติและกรอกข้อมูลผ่าน Google Form พร้อมทั้งแนบใบสมัครมาด้วย)

ดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ : https://cutt.ly/FwKp1Ls7

กรอกข้อมูลสมัครอบรม Google Form ได้ที่ : https://bit.ly/3Tk0XBN

แจ้งแนบหลักฐานการชำระเงินได้ที่: https://bit.ly/Letec2

เอกสารการสมัคร_1.ใบสมัคร 2.รูปถ่ายสี 1.5 นิ้ว  3.สำเนาปริญญาบัตร 4.คำรับรองผู้บังคับบัญชา 5.หนังสือส่งตัวจากหน่วยงาน

โดยหนึ่งปีจะเปิดอบรมเป็นสองรุ่น คือ ช่วงเดือน มีนาคม และ กันยายน ของทุกปี
(่กำหนดการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมและสถานการณ์)

ระยะเวลาอบรม

รุ่นที่ 54    ระหว่างวันจันทร์ที่ 18 มีนาคม ถึงวันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน 2567
                  –  ค่าธรรมเนียมการอบรมคนละ  30,๐๐๐ บาท
                  –  กำหนดส่งเอกสารภายในวันศุกร์ที่ 26 มกราคม 2567

รุ่นที่ 55    ระหว่างวันจันทร์ที่ 16 กันยายน ถึงวันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2567
                  – ค่าธรรมเนียมการอบรมคนละ  30,๐๐๐ บาท
                  – กำหนดส่งเอกสารภายในวันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567

การอบรมต่อรุ่น ตลอดหลักสูตร 198 ชั่วโมง
เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ละๆ 5 วัน ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 17.30 – 20.30 น. (3 ชั่วโมง)
และวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. (6 ชั่วโมง)
 แบ่งเป็นดังนี้

1. การอบรมและดูงานจำนวน 168 ชั่วโมง
– การอบรม จำนวน 159 ชั่วโมง
– การดูงาน 2 ครั้ง รวม จำนวน 9 ชั่วโมง ดังนี้

ครั้งที่ 1  ดูงาน ณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จำนวน 3 ชั่วโมง  ตั้งแต่เวลา 09.00 – 12.00 น.
ครั้งที่ 2  ดูงาน ณ สำนักงานศาลปกครอง จำนวน 6 ชั่วโมง  ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น.

2. การสัมมนาต่างจังหวัด 1 ครั้ง (2 วัน) (24 ชั่วโมง)

3. การอภิปราย ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการผู้เข้าอบรมโครงการฯ 1 ครั้ง จำนวน 3 ชั่งโมง

4. การทดสอบผู้เข้ารับการอบรมทั้งก่อนเข้ารับการอบรม (1.5 ชั่วโมง) และหลังจากอบรมทุกรายวิชา (1.5 ชั่วโมง)

หลักสูตรการอบรม

ประกอบด้วยกลุ่มวิชาต่าง ๆ 4 กลุ่มด้วยกัน  กล่าวคือ  กลุ่มแนวความคิดและทฤษฎีกฎหมายมหาชนทั่วไป  กลุ่มกฎหมายรัฐธรรมนูญ  กลุ่มกฎหมายปกครอง  และกลุ่มกฎหมายการคลังและภาษีอากร  ใน 4 กลุ่มวิชาดังกล่าว  นอกจากศึกษาถึงหลักการและแนวความคิดทั่วไปแล้ว การจัดหลักสูตรการศึกษายังนำเอาเนื้อหาวิชาที่มีความสำคัญ และเป็นประโยชน์สำหรับนักศึกษากฎหมายมหาชนมาบรรจุไว้ในหลักสูตรด้วย อาทิเช่น นิติบุคคลในกฎหมายมหาชน  กฎหมายระหว่างประเทศที่มีผลกระทบต่อการกำหนดนโยบายและการบริหารราชการแผ่นดิน อุปสรรคและปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการบริหารรัฐวิสาหกิจไทย  ระบบการควบคุมและแนวทางในการพัฒนารัฐวิสาหกิจไทย ข้อความคิดว่าด้วยสัญญาทางปกครอง การตรวจร่างสัญญาของสำนักงานอัยการสูงสุด หลักการและขั้นตอนการปฏิบัติที่สำคัญในกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติราชการของฝ่ายปกครอง  ความรับผิดของฝ่ายปกครอง  หลักการสำคัญของกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ แนวทางการควบคุมฝ่ายปกครองโดยศาลยุติธรรมของไทยในปัจจุบัน เขตอำนาจศาลวิธีพิจารณาและผลของคำพิพากษาของศาลปกครอง ระบบและวิธีการงบประมาณไทย  ระบบการจัดเก็บภาษีอากรในประเทศไทย ลักษณะพิเศษของการตัดสินใจในระดับนโยบายของคณะรัฐมนตรี แนวคิดและหลักการของกฎหมายว่าด้วยข้อข่าวสารทางราชการ เป็นต้น

นอกจากการให้การอบรมในเชิงทฤษฎีแล้ว  หลักสูตรนี้ยังจัดให้มีการอบรมในภาคปฏิบัติด้วยโดย (1) เน้นการทำแบบฝึกหัด เช่น การให้ความเห็นและการตอบข้อหารือในปัญหากฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา การตรวจร่างกฎหมายของกระทรวง  ทบวง  กรม  ต่างๆ  โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (2) การทำกรณีศึกษา (Case study) และ (3) การดูงานเรื่องกระบวนวิธีพิจารณาทางปกครองที่ศาลปกครองกลาง กรุงเทพมหานครอีกด้วย

วิทยากร

คณาจารย์ อาจารย์พิเศษ จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ / ผู้ทรงคุณวุฒิจากศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม  และจากหน่วยงานราชการต่าง ๆ เป็นต้น

ค่าอบรม

ค่าสมัครอบรม คนละ 30,000 บาท

การชำระเงิน: เงินโอนผ่าน ธนาคารกรุงเทพ สาขา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์-ท่าพระจันทร์

เลขที่บัญชี: 905-0-02515-5

ชื่อบัญชี: คณะนิติศาสตร์ มธ. (ศูนย์จัดการศึกษาและฝึกอบรมด้านกฎหมาย)

หมายเหตุ กรุณาส่งหลักฐานการชำระเงินพร้อมแจ้ง ชื่อ ที่อยู่ ในการออกใบเสร็จรับเงินที่ และกรอกข้อมูลแจ้งการออกใบเสร็จ มาที่: https://bit.ly/3DVo6VA

สถานที่อบรม

ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)

วุฒิบัตร

ผู้เข้าอบรมจะได้รับใบประกาศจะต้องมีเวลาเข้าอบรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 80

รุ่นที่ 54    ระหว่างวันจันทร์ที่ 18 มีนาคม ถึงวันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน 2567 ตลอดหลักสูตร 198 ชั่วโมง
เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ละๆ 5 วัน ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 17.30 – 20.30 น. (3 ชั่วโมง)
และวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. (6 ชั่วโมง)